Saturday, October 4, 2014

[Novel] Illusory Love หลอกรักลวงหัวใจ Prologue : บทนำ

[Novel] Illusory Love หลอกรักลวงหัวใจ Prologue : บทนำ
Pairing: ชลาชล x ไอศูรย์

Genre: Romance, BL 

Rate: PG


Warning!! Yaoi

ชลาชล วิมลภูบาล 
What exactly are you hiding?

ไอศูรย์ ยศวัฒน์กันต์
Can you tell what is the true lies?

Nothing is real or a lie. It all depends on the color of the glass you're looking through.....







คุณเชื่อในเวรกรรมไหม....?

     ผมเป็นคนที่เคยไม่เชื่อเรื่องโชคลางหรือเรื่องเหนือธรรมชาติมาก่อน 

     แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเชื่อแล้วล่ะว่าเวรกรรมน่ะมีจริงแล้วมันก็ตามมาเร็วเสียจนน่าตกใจ
       

          ผมชลาชล วิมลภูบาล เมื่อพูดถึงชื่อนี้แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลวิมลภูบาล ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและโรงแรมชั้นนำอีกนับไม่ถ้วน เติบโตมาพร้อมทั้งรูปสมบัติ ชาติตระกูลและการศึกษา ใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองมาตั้งแต่เกิด ชีวิตที่แลดูเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบไม่เคยมีคำว่าผิดพลาดหรือล้มเหลวแม้สักครั้งเดียว นั่นจึงทำให้ผมหลงระเริงว่าผมกำหนดทุกอย่างได้อย่างที่ใจคิดด้วยอำนาจและเงินตรา

        ใช้ชีวิตอย่างเสเพลล่องลอยเที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็มีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาเสนอตัวให้เลือกถึงที่ทั้งหญิงและชายอยากจะคบใครก็คบเบื่อแล้วก็เลิกโดยไม่จำเป็นต้องแคร์

        บอกตามตรงผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยคบใครหรือทำใครเสียใจมาแล้วกี่คน
ผมมีเพื่อนเยอะแยะชีวิตผมดำเนินไปอย่างฟุ้งเฟ้อราวกับเงินที่มีนั้นเป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่า ทุกคนเห็นผมเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน 
       
       ผมคิดแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งเมื่อปลายปีก่อนเรื่องเลวร้ายที่ผมเคยทำเอาไว้ในอดีตมันกลับมาตามหลอกหลอนผมอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ฝันร้ายในอดีตกลับมาตามเอาคืนผมเสียจนเจียนตาย

   วันนี้ของเมื่อ1ปีก่อน..


ผมได้พบกับคนๆหนึ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิง

....................................
        เสียงอึกทึกครึกโครมดังเป็นจังหวะท่ามกลางเหล่าผีเสื้อราตรีที่พากันโยกย้ายวาดลวดลายเรียกความสนใจ ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ต่างก็อยากเป็นจุดสนใจต้องการๆถูกยอมรับ

       ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งจิบเครื่องดื่มดีกรีแรงอย่างเบื่อหน่าย ผู้คนต่างชิงดีชิงเด่นเพื่อสนองความต้องการตน เพื่อการนั้นแล้วไม่ว่าจะเหยียบย่ำใครก็ไม่สำคัญ สังคมแห่งความฟุ้งเฟ้อและหลอกลวง 

น่ารังเกียจ!
        เขากวาดสายตาไปรอบกาย มุมปากได้รูปหยักยิ้มเมื่อนัยตาคมสบกับเป้าหมาย
เขาหยุดเพื่อจับจ้องไปยังชายผู้หนึ่งเป็นประกายวาวโรจน์ราวกับเสือจับจ้องเหยื่อ
ท่ามกลางฟรอซึ่งคับคั่งไปด้วยเหล่านักท่องราตรีที่โยกย้ายสะบัดกายอย่างเมามัน

       ไม่ผิดแน่ชลาชล วิมลภูบาล!

        แม้รอบกายจะถูกรายล้อมมากมายแต่สิงห์หนุ่มเจ้าสำราญแห่งตระกูลวิมลภูบาลกลับโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ด้วยใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสันจากเลือดตะวันตกส่วนหนึ่งในกาย อีกทั้งรูปร่างสูงกำยำอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นสมบูรณ์พอดิบพอดีทำให้เหมือนมีแรงดึงดูดทั้งสาวแท้สาวเทียมเข้ามาเรียงรายล้อมหน้าล้อมหลังเสียจนแทบจะแย่งอากาศกันไม่พอ 

      "ฟังทางนี้ เนื่องจากอาทิตย์หน้าที่จะถึงจะเป็นวันเกิดของผม ชลาชล วิมลภูบาลเจ้าของกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ฉะนั้นวันนี้ผมถือโอกาศเลี้ยงทุกคนในงานวันนี้! เอ้า!ไม่เช้าไม่เลิก!" 
       ว่าที่เจ้าของวันเกิดประกาศด้วยน้ำเสียงและท่าทางอวดอ้างมั่นใจในตัวเองยิ่งนัก หากแต่ก็ไม่มีใครคิดจะขัดไม่ว่าจะด้วยเกรงกลัวหรือด้วยผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่ได้รับก็ไม่ทราบ 

      เจ้าป่าผู้ซึ่งคิดว่าตนเองเป็นเจ้าแห่งห่วงโซ่อาหารมัวแต่หลงระเริงโดยหารู้ไม่ว่าว่าเกมที่ตนเคยควบคุมนั้นกำลังจะถูกพลิกกระดาน จากผู้ล่ากำลังจะกลายเป็นผู้ถูกล่าเสียเอง 
     หลังจากละสายตาจากการจับจ้องสิงห์หนุ่มผู้โดดเด่นแล้ว ชายหนุ่มนิรนามเสยเรือนผมสีรัตติกาลยาวปรกซีกหนึ่งของใบหน้าขึ้นลวกๆต่างหูสีเงินต้องกับแสงไปเป็นประกายแวววับก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเก็บซ่อนชัยชนะเอาไว้ไม่อยู่

    "ดูเหมือนว่า*เทพเนเมซิสจะเป็นใจให้การแก้แค้นนี้ง่ายขึ้นเสียแล้วสิ"
แก้วซึ่งเคยบรรจุด้วยเครื่องดื่มมึนเมาไร้สีถูกวางไว้บนโต๊ะโดยที่เจ้าของหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน




-------------------------------------------------------------------------------------
*Nemesis เป็นเทพีแห่งการล้างแค้น ความผิด และกรรมชั่ว






[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่3 約束する [Vow] NC-17


[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่3 約束する [Vow] 

Pairing: Tatsuya x Tsubaki

Genre: Romance, BL 

Rate: NC-17


Warning!! Yaoi


หน้าร้านน้ำชาที่โด่งดังที่สุดแห่งโยชิวาระ ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่หน้าร้านด้วยความลังเล 
ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปเชยชมบุบผางามอีกใจหนึ่งก็กริ่งเกรงว่าตนจะเผลอหลงใหลไปกับสเน่ห์นั้นเสียจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาใช้เวลาอยู่เป็นเดือนในการชั่งใจหากแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกันคืนนี้ต้องพบคนที่เขาเฝ้าคำนึงถึงตลอดหลายค่ำคืนที่ผ่านมา
'น่าแปลกใจยิ่งนักที่ท่านเรียกหาข้า'  ร่างบางเอื้นเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในห้องพลางทอดมองพันเอกทัตสึยะ แต่ก็ต้องเสสายตาไปทางอื่นเมื่อถูกดวงตาคมจับจ้อง 
'ก็ไม่มีอะไรมาก ... เพียงแต่ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า' ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อดคิดไม่ได้ว่าวันนี่ร่างโปร่งบางตรงหน้างดงามยิ่งกว่าคราก่อนที่ได้พบเสียอีก คำพูดเถรตรงนั้นทำให้คนฟังหน้าแดงเรื่อยมือไม้พันกันได้ไม่ยาก  
สึบากิไม่ได้กล่าวอันใดต่อเพียงแต่หยิบโกโตะขึ้นมาดีด ท่วงทำนองอ่อนโยนติดจะเศร้าราวกับถ่ายทอดอารมณ์ของผู้เล่นออกมา
ทัตสึยะเหลือบมองคนตรงหน้า ใบหน้านั้นงดงามก็จริงแต่กลับดูโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงเอ่ยถามออกไป 
'แล้วเจ้าล่ะ  ... อยากพบข้าบ้างหรือไม่?' 
ร่างบางตั้งใจจะใช้ความเงียบแทนคำตอบหากแต่เห็นแววตาจริงจังของร่างสูงจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป
'ข้า ...มีสิทธิที่จะคำนึงหาท่านด้วยงั้นรึ?' ทำได้เพียงหลบตาด้วยเผลอกล่าววาจาตัดพ้อออกไป ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควร ก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครแล้วตัวเขาเองเป็นใคร เป็นเพียงคณิกาหนึ่งในพันจากหญิงงามมากมายในย่านนี้ หากบุคคลตรงหน้าจะไม่กลับมาหาเลยก็คงเป็นเรื่องธรรมดา เขาคงเผลอลืมตนไปเอง
แทบจะในทันทีๆได้ฟังคำตัดพ้อนั้นทัตสึยะไม่ลังเลที่จะรวบร่างบางมากอดแนบอก หากเป็นอย่างที่เขาคิด หากไม่ได้เข้าข้างตนเองมากไป เขาก็หวังว่าร่างบางตรงหน้าจะรู้สึกเหมือนกัน หวังเหลือเกินให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอกจนแทบระเบิด 
สึบากิไม่สามารถขัดขืนอ้อมกอดนี้ได้ ไม่เพียงร่างกายแต่กระทั่งจิดใจของเขาก็ถูกพันธนาการเอาไว้จนหมดเพียงได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและไออุ่นของกันและกัน
เมื่ออ้อมแขนแกร่งคลายออกร่างไม่กล้าแม้แต่จะสบตานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้สึกแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ผ่านอะไรๆมามากมายแล้วแท้ๆแต่พอทัตสึยะซังอยู่ตรงหน้าก็เหมือนว่าตัวเขาเองกลายเป้นคนใสซื่อที่ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร 
ดูเหมือนว่าทัตสึยะจะรู้ถึงความขวยเขินของคนใกล้ตัว มือหนาเอื้อมประคองแก้มเนียนพลางเชยคางให้รับจุมพิตนุ่มนวล เนิ่นนานก่อนถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า มองร่างบางที่หอบหาบใจอยู่แนบกาย  ร่างสูงพรมจูบเบาๆไปทั่ว
'สึบากิ...ขอได้ไหม?'  เขาเอ่ยขึ้น
ร่างบางเพียงแต่พยักหน้าแผ่วเบา มีทันไรก็ต้องหลุดเสียงครางหวานหูเมื่อร่างสูงลากไล้ลิ้นร้อนลงมาตามลำคอระหง พรมจูบลงมาบนหน้าท้องราบเรียบ 
แต่ก่อนที่จะทันได้เคลื่อนต่ำลงกว่านั้นก็ถูกร่างภายใต้เค้นเสียงห้าม
'อะ...อ๊ะ...ทัตสึยะซัง อย่าขอรับตรงนั้น อื้อ..' หากแต่ร่างสูงมิฟังคำทัดทาน
บัดนี้กิโมโนราคาแพงถูกกองไว้ข้างๆฟูกอย่างไม่ใยดี ร่างสูงไล้ริมฝีปากลงจนถึงส่วนอ่อนไหวก่อนจะครอบครอง โพรงปากชื้นห่อหุ้มแกนกายเล็ก พลางใช้ลิ้นร้อนโลมเลียและดูดดุนสลับจังหวะช้าเร็วไปเรื่อยๆ
'ฮึก....อือ' เสียงหวานครางเย้ายวนกับความวาบหวามร่างสูงปรนเปรอให้  มือสากลูบไล้ขึ้นด้านบนแผ่นอกเปลืยเปล่า 
สึบากิทำได้เพียงขยุ้มลงบนเส้นผมนุ่มของร่างสูง ความรู้สึกพรุ่งพร่านไปด้วยแรงอารมณ์ 
      "ทะ ทัตสึยะซัง ฮ่าา มะ..ไม่ไหวแล้ว ผมจะ อ๊าาาา!" แม้จะพยายามออกแรกดันร่างสูงให้ออกห่างแต่สุดท้ายก็มิอาจสู้แรงได้ ร่างบางปรดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดสิ้นทำได้เพียงแค่ทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจบนฟูก ทัตสึยะเช็ดมุมปากก่อนที่จะประกบจูบลงบนริมฝีปากบางจากนั้นไล้ไปตามยอดอกสีกุหลาบอีกครา 
    "อื้อออ'' ร้างบางครางสะดุ้งเมื่อนิ้วเปียกชุ่มชำแรกผ่านช่องทางคับแคบอย่างยากลำบาก  
จาหนึ่งเป็นสอง ขยับเข้าปากทางสีหวานรุกเร้าเนิ้บนาบไม่เร่งร้อนเพื่อเตรียมช่องทางให้พร้อมกับการสอดใส่สิ่งที่ใหญ่โตกว่านั้น  
     "อะ ..อะ ...อืม'' เสียงครางหวานหูจนทัตสึยะแทบคุมสติไว้ไม่ไหว 
สึบากิใช้มือเรียวโอบรอบคอของเขาเอาไว้ก่อนกระซิบแผ่วเบา 
       ''ได้โปรด อึก..ขะ..เข้ามาในตัวข้า ฮะ.." ดวงตาเรียวหวานเยิ้มสบกับดวงตาคมของร่างแกร่งก่อนจะประกบปากเข้าหา ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดควานหาความหวานในโพรงปากของกันและกัน
ร่างสูงถอนนิ้วออกจากช่องทางรัก ก่อนจะปลดเข็มขัดและกางเกงออก ทัตสึยะยกขาเรียวบางขึ้นพาดข้างเอวจ่อความเป็นชายยังช่องทางรักอ่อนนุ่ม แก่นกายแกร่งสอดแทรกผ่านช่องทางอุ่นร้อนที่ตอดรัดเขาอย่างรุนแรง 
"อ๊ะ!! อือ... ฮึก ..ทัตสึยะซัง อ๊า " น้ำตาใสเอ่อล้นก่อนจะไหลอาบแก้มเนียน
"อืมม ขอโทษนะ ไหวรึเปล่าถ้าไม่ข้าจะหยุดเดี๋ยวนี้แหละ" ร่างสูงเอ่ยถามพยางเกลี่ยหยดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานอย่างโอนโยน
"มะ ไม่ ข้าไม่เป้นไร ฮึก ได้โปรดทัตสึยะซะ ซัง ข้าต้องการท่าน"
เสียงครางหวานหูหลุดออกมาแม้พยายามกลั้น แม้จะรู้สึกเจ็บร้าวแต่กลับสุขสม ที่ผ่านมาเขารู้สึกเพียงแต่ความเจ็บปวดและขยะแขยงแต่ครั้งนี้ มันเต็มไปด้วยความหรรษาอย่างน่าประหลาด 
ได้ฟังดังนั้นร่างสูงจึงเริ่มขยับกายเข้าไปจนสุด จากนั้นเคลื่อนสะโพกอย่างเชื้อช้าให้ร่างภายใต้ได้ปรับตัว จังหวะนั้นเชื่องช้าแต่หนักหน่วงร้อนแรง ร่างบอกบางแทบจะละลายเสียให้ได้  แม้จะอยากปลดปล่อยแต่ความเสียวซ่านนั้นทำให้ไม่อาจหยุดบทรักนี้ลง แต่ก็เร่งเร้าความปรารถนาให้ใกล้จะปลดปล่อยเต็มที
"ฮ๊ะ... อะ ...ไม่ไหวแล้ว ฮึก...ทัตสึยะซัง อืม ข้าไม่ไหวละ แล้ว"เสียงครางกระเส่ายิ่งปรุกเร้าอารมณ์ร่างสูงให้โหมกระพือ
"สึบากิ สึบากิ  ไม่เป็นไรข้าก็..ใกล้แล้ว" 
"อ้า!!!" ไม่ทันขาดคำร่างบางหวีดร้องด้วยความสุขสม ทัตสึยะเกร็งกระตุกก่อนจะถอนกายออกมา หยาดหยดสีขาวขุ่นไหลทะลักเปรอะเรียวขาบางเช่นเดียวกันกับสึบากิที่ปรดปล่อยออกมาจนเปรอะหน้าท้องแกร่งของผู้พันหนุ่ม 
ทัตสึยะทิ้งตัวลงนอนข้างร่างบางพลางรวบอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน เขากระชับร่างบางไว้แน่นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอ่อนโยน 
"ข้ารักเจ้า สิบากิ" ทว่าร่างบางเข้าสู่ห้วงนิททราเสียแล้ว ทัตสึยะเพียงแต่จูบลงบนหน้าผากเนียนเอ่ยราวกับเป้นคำมั่นสัญญากับตนเอง 
     "ข้าจะต้องพาเจ้าไปจากที่นี่ให้ได้ จะไม่ยอมให้เจ้าเป้นของผู้ใดอีก!"

to be continued....

[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่2 過去 [The past]


[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่2 過去 [The past] 

Pairing: Tatsuya x Tsubaki

Genre: Romance, BL 

Rate: PG



Warning!! Yaoi



 "ขอบคุณมากนะขอรับท่านผู้พัน ไว้มาใช้บริการอีกนะขอรับ"  ชายเจ้าของร้านโค้ง

คำนับก่อนที่นายทหารหนุ่มทั้งสองจะกลับไป

ร่างบอบบางนั่งอยู่ตรงระเบียงพลางทอดสายตาตามชายหนุ่มไปจนลับตา นายทหารคนนี่

ช่างแปลกยิ่งนัก เสียเงินมาใช้บริการสถานที่แบบนี้ตั้งมากมายเพียงเพื่อให้เขามานั่งเป็น

เพื่อนดื่มเท่านั้นแต่กลับมิได้แตะต้อง เมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายนั้นมุมปากของสึบากิก็

ปรากฏรอยยิ้มบางๆ คนที่ดูภายนอกเหมือนจะเย็นชาที่จริงกลับอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คำพูดที่ทัตสึยะซังพูดกับเขาในคืนนี้ 

          'เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาหรอก เป็นเจ้าน่ะดีแล้ว'  ทั้งคำพูดและแววตานั้นตัว

เขาแทบจะละลายไปเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงความสุขชั่ว

ข้ามคืนหากพ้นคืนนี้ไปแล้วทุกอย่างก็มิต่างกับความฝัน ในคืนพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะกลับเป็น

เหมือนเดิม อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กันตัวเขาจะหลุดพ้นไปจากที่แห่งนี้ เมื่อไหร่กันจะมี

อิสระมีชีวิตเป็ของตัวเอง ไม่ต้องทนอยู่เยี่ยงสินค้า อีกสิบปีหรือยี่สิบปีกันนะหนี้สินที่พ่อของ

เขาได้สร้างไว้จะหมดไป สึบากิถอนหายใจเผ่วเบา 

         'ยังไงซะความฝันก็ยังคงเป็นความฝันวันยังค่ำ' 

.....
          'ไม่นะข้าไม่ไป! ท่านพ่อ ท่านแม่ ได้โปรดอย่าให้ลูกไปเลย' เด็กน้อยร่ำไห้กอดขาผุ้

เป็นบิดาด้วยร่างสั่นเทิม เสียงสะอื้นของมารดาเบาแผ่วเมื่อพยายามสะกดกลั้นเอาไว้อย่าง

ที่สุดแม้อยากจะหยุดสามีซึ่งเอาลูกชายเพียงคนเดียวไปขาย แต่นางจะทำอะไรได้ในเมื่อ

เป็นผู้หญิงเป็นภรรยาไม่สามารถขัดหรือทัดทานสามีได้เลย นางมองตามลูกชายที่ถูกชาย

ฉกรรจ์ลากตัวไปด้วยหัวใจของผู้เป็นแม่ที่แตกสลาย

         ฝ่ายสามีเพียงแต่เบือนหน้าแล้วเก็บถุงเงินเข้ากระเป๋าอย่างไม่ยี่หระ เงินนี่มากพอประทัง

ชีวิตไปได้อีกนานหากแลกกับลูกชายไม่ได้เรื่องที่มีร่างกายอ่อนแอราวกับสตรีแล้วช่างคุ้ม

แสนคุ้มเขาใช้เท้าเขี่ยร่างของภารรยาที่คู้ตัวอยู่กับพื้นให้พ้นทาง พลางตะคอกให้นางหยุด

เสียงสะอื้นที่น่ารำคาญนั้นเสีย 

         ทางด้านเด็กน้อยที่ถูกพาตัวไป เขาถูกนำมาให้มาม่าซังดูตัว หญิงวัยกลางคนนาม

โมโมทาเมะไม่มีใครในระแวกนี้ไม่รู้จักนางม่าม่าซังผู้โด่งดังจากการปั้นโอยรันมีชื่อเสียง

นางสวมกิโมโนสีเข้มมือหนึ่งคีบไปป์อีกมือเอือมมาจับคางเขา นางเพ่งพินิจดูใบหน้าอ่อน

เยาว์ พลางคิดว่าถึงจะเป็นเด็กผู้ชายแต่ด้วยใบหน้าหวานดวงตากลมโตสีชานี้ไม่นานโตขึ้น

ต้องเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นแน่แท้คงจะเสียเปล่าถ้าให้ไปเป็นเด็กรับใช้ทำงานในตาก

แดดตากลม 

         'เจ้าชื่ออะไร?' ถามออกไปก่อนจะจิบน้ำชา

         'ฮาราดะ โซระขอรับ'  เด็กชายตอบด้วยเสียงสั่นเทาเขาทำได้เพียงก้มหน้ามิกล้าสบตา

         'ข้าจะให้เจ้าเป็นเด็กรับใช้ของข้า เตรียมตัวไว้ได้เลย ...โซระ' นางกล่าวพลาง

กวักมือไล่ เด็กชายถูกพาไปที่ห้องพักมันเป็นห้องที่อยู่ใกล้ห้องครัวที่ทั้งเล็กและสกปรก  

คืนนั้นโซระแอบย่องออกมาจากห้องเขาตั้งใจที่จะหนีกลับบ้านเขาพยายามวิ่งจนสุดกำลัง

ท่ามกลางหิมะที่ร่วงโรยเพื่อไปให้ถึงประตูใหญ่ หากแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูก็โดนคน

ของโมโมทาเมะจับได้เสียก่อน เด็กน้องผุ้โชคร้ายถูกจับกลับมาม่าม่าซังโกรษมากนางกฏ

ของที่นี่ร้ายแรงนักหากใครคิดหนีต้องโดนลงโทษร้ายแรง 

         'กล้าดียังไงถึงคิดหนี เจ้าคิดว่าข้าเสียเงินไปเท่าไหร่กันเพื่อซื้อตัวเจ้าน่ะ!!' โมโมทา

เมะตวาดพลางใช้ไม้ทาเคะฟาดโซระอย่างแรง ที่ลานหนังเรือน

         เด็กชายถูกมัดมือไว้กับเสาทำได้เพียงร้องไห้อ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด จนสติเริ่ม

เลือนลางเต็มที หิมะสีขาวถูกเลือดสีแดงสดกระเด็นใส่เป้นหย่อมๆ  เขาไม่เหลือแรงแม้แต่

จะร้องออกมาน้ำตาไหลรินอาบแก้มเนียน สิ่งที่รู้สึกเป็นอย่างสุดท้ายคือความหนาวเหน็บ

ของหิมะที่บาดผิวกายก่อนที่สติจะหลุดลอย

รู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเสื่อทาทามิในห้องของตนเสียแล้ว เขาพยายามยันกายขึ้นแต่ก็

ต้องครางออกมาด้วยความปวดร้าวตามแผนหลัง สุดท้ายก็ทำได้เพียงนอนอยู่กับที่ ปวด

หนึบจนรู้สึกเหมือนศรีศระถูกกระแทกทุบอย่างแรงคงเป็นเพราะพิษไข้ที่รุมเร้าอยู่เป็นแน่
.....
           ย่างเข้าปีที่5ตั้งแต่เขาถูกพามาที่แห่งนี้ตอนนี้โซระได้ถูกเลื่อนขั้นจากเด็กรับใช้ให้

เป็นไมโกะแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่พยายามหนีแต่ไม่ประสบผลแถมยังถูกลงโทษเสียทุก

ครั้ง จนในที่สุดเขาก็ทำใจยอมรับแล้วว่าคงไม่มีทางที่จะหนีไปจากที่นี้ด้วยกำลังเพียงแค่นี้

หรอกอิสระอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าหากได้เป็นโอยรันล่ะก็อาจจะมีทาง ดังนั้นเขาจึง

พยายามมากกว่าคนอื่นๆ ในคืนนี้ตัวเขาก็จะได้ออกงานแล้ว การออกงานหมายถึงการถูก

ประมูลสิ่งที่สำคัญที่สุด  ...


           'ความบริสุทธิ์' นั่นเอง ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวแต่เขาก็เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้

หน้ากากที่ถูกฝึกมา 

           เมื่อก้าวเข้ามาสู่โรงน้ำชาแล้วในใจของโซระหวั่นเกรงเหลือเกิน เขากวาดตามอง

รอบกายซึ่งเต็มไปด้วยหญิงสาวงดงามมากมายจากมาม่าซังบ้านอื่น หากครั้งนี้ราคาประมูล

ต่ำล่ะก็เขาคงไม่ได้เป็นโอยรันและหนทางที่จะไปจากที่นี่คงลิบหรี่เต็มทน เขาก้าวขึ้นไป

แสดงบนเวทีด้วยความแน่วแน่ตั้งแต่ต้นจนจบการแสดงในแววตาคู่นั้นไม่มีความหวั่นไหว

ใดๆ หากแต่เมื่อเริ่มประมูลราคาของโซระก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งสูงกว่าที่โมโมทาเมะ

เคยทำได้เสียด้วยซ้ำราคาประมูลสูงที่สุดในประวัติการ ชายที่ยอมทุ่มเงินมากขนาดนี้คือ

นายพลวาตากะผู้ร่ำรวยนั่นเอง 

           ภายในห้องเงียบกริบมีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันเท่านั้นปรากฏร่างของชายวัย

กลางคนอายุอานามคงประมาณสี่สิบปีทาบทับร่างบอบบางของคณิการูปงาม ถึงแม้จะ

ทำใจไว้แล้วแต่โซระกลับรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่รู้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แต่

ใจหนึ่งก็ยังอยากจะรีบหนี หนีไปให้ไกลแสนไกล 

           ความเจ็บปวดที่แทรกผ่าน อยากจะตายไปเสียตรงนี้ อยากกรีดร้องให้สุดเสียง แต่

สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิด ร่างบางบิดเร่ามีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาท่ามกลางความ

มีดซึ่งคงไม่มีใครได้เห็นเท่านั้น 

...

           แสงอาทิตย์สาดลอดมู่ลี่เข้ามาโซระรู้สึกร้าวระบมไปทั่วร่าง แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้น ฟูก

ที่นอนอยู่ว่างเปล่ามีเพียงเขาคนเดียว หลังจากที่ชำระร่างกายแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ลงไป

พบโมโมทาเมะที่ห้อง 
เขาดันประตูอย่างสุภาพแล้วคลานเข้าไปนั่งตรงหน้ามาม่าซัง โมโม

ทาเมะครี่ยิ้มกว้าง
พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

           'ในที่สุดเจ้าก็เป็นโอยรันเต็มตัวแล้ว ข้าคาดหวังในตัวเจ้านะ และหลังจากนี้เจ้าจะ

ไม่ใช่ฮาราดะ โซระอีกต่อไป นามใหม่ของเจ้าคือ สึบากิ'

           'ขอรับ'  เขาทำได้เพียงตอบรับ

           ไม่มีอีกแล้วฮาราดะ โซระ  ตอนนี้จะมีเพียงคณิกานามสึบากิเท่านั้นสึบากิดอกไม้ที่

มีสีสันสวยสดงดงามน่าหลงใหล
           

          "ขอบคุณมากนะขอรับท่านผู้พัน ไว้มาใช้บริการอีกนะขอรับ"  ชายเจ้าของร้านโค้ง

คำนับก่อนที่นายทหารหนุ่มทั้งสองจะกลับไป

ร่างบอบบางนั่งอยู่ตรงระเบียงพลางทอดสายตาตามชายหนุ่มไปจนลับตา นายทหารคนนี่

ช่างแปลกยิ่งนัก เสียเงินมาใช้บริการสถานที่แบบนี้ตั้งมากมายเพียงเพื่อให้เขามานั่งเป็น

เพื่อนดื่มเท่านั้นแต่กลับมิได้แตะต้อง เมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายนั้นมุมปากของสึบากิก็

ปรากฏรอยยิ้มบางๆ คนที่ดูภายนอกเหมือนจะเย็นชาที่จริงกลับอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คำพูดที่ทัตสึยะซังพูดกับเขาในคืนนี้ 

          'เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกใครมาหรอก เป็นเจ้าน่ะดีแล้ว'  ทั้งคำพูดและแววตานั้นตัว

เขาแทบจะละลายไปเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงความสุขชั่ว

ข้ามคืนหากพ้นคืนนี้ไปแล้วทุกอย่างก็มิต่างกับความฝัน ในคืนพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะกลับเป็น

เหมือนเดิม อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กันตัวเขาจะหลุดพ้นไปจากที่แห่งนี้ เมื่อไหร่กันจะมี

อิสระมีชีวิตเป็ของตัวเอง ไม่ต้องทนอยู่เยี่ยงสินค้า อีกสิบปีหรือยี่สิบปีกันนะหนี้สินที่พ่อของ

เขาได้สร้างไว้จะหมดไป สึบากิถอนหายใจเผ่วเบา 

         'ยังไงซะความฝันก็ยังคงเป็นความฝันวันยังค่ำ' 

.....
          'ไม่นะข้าไม่ไป! ท่านพ่อ ท่านแม่ ได้โปรดอย่าให้ลูกไปเลย' เด็กน้อยร่ำไห้กอดขาผุ้

เป็นบิดาด้วยร่างสั่นเทิม เสียงสะอื้นของมารดาเบาแผ่วเมื่อพยายามสะกดกลั้นเอาไว้อย่าง

ที่สุดแม้อยากจะหยุดสามีซึ่งเอาลูกชายเพียงคนเดียวไปขาย แต่นางจะทำอะไรได้ในเมื่อ

เป็นผู้หญิงเป็นภรรยาไม่สามารถขัดหรือทัดทานสามีได้เลย นางมองตามลูกชายที่ถูกชาย

ฉกรรจ์ลากตัวไปด้วยหัวใจของผู้เป็นแม่ที่แตกสลาย

         ฝ่ายสามีเพียงแต่เบือนหน้าแล้วเก็บถุงเงินเข้ากระเป๋าอย่างไม่ยี่หระ เงินนี่มากพอประทัง

ชีวิตไปได้อีกนานหากแลกกับลูกชายไม่ได้เรื่องที่มีร่างกายอ่อนแอราวกับสตรีแล้วช่างคุ้ม

แสนคุ้มเขาใช้เท้าเขี่ยร่างของภารรยาที่คู้ตัวอยู่กับพื้นให้พ้นทาง พลางตะคอกให้นางหยุด

เสียงสะอื้นที่น่ารำคาญนั้นเสีย 

         ทางด้านเด็กน้อยที่ถูกพาตัวไป เขาถูกนำมาให้มาม่าซังดูตัว หญิงวัยกลางคนนาม

โมโมทาเมะไม่มีใครในระแวกนี้ไม่รู้จักนางม่าม่าซังผู้โด่งดังจากการปั้นโอยรันมีชื่อเสียง

นางสวมกิโมโนสีเข้มมือหนึ่งคีบไปป์อีกมือเอือมมาจับคางเขา นางเพ่งพินิจดูใบหน้าอ่อน

เยาว์ พลางคิดว่าถึงจะเป็นเด็กผู้ชายแต่ด้วยใบหน้าหวานดวงตากลมโตสีชานี้ไม่นานโตขึ้น

ต้องเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นแน่แท้คงจะเสียเปล่าถ้าให้ไปเป็นเด็กรับใช้ทำงานในตาก

แดดตากลม 

         'เจ้าชื่ออะไร?' ถามออกไปก่อนจะจิบน้ำชา

         'ฮาราดะ โซระขอรับ'  เด็กชายตอบด้วยเสียงสั่นเทาเขาทำได้เพียงก้มหน้ามิกล้าสบตา

         'ข้าจะให้เจ้าเป็นเด็กรับใช้ของข้า เตรียมตัวไว้ได้เลย ...โซระ' นางกล่าวพลาง

กวักมือไล่ เด็กชายถูกพาไปที่ห้องพักมันเป็นห้องที่อยู่ใกล้ห้องครัวที่ทั้งเล็กและสกปรก  

คืนนั้นโซระแอบย่องออกมาจากห้องเขาตั้งใจที่จะหนีกลับบ้านเขาพยายามวิ่งจนสุดกำลัง

ท่ามกลางหิมะที่ร่วงโรยเพื่อไปให้ถึงประตูใหญ่ หากแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูก็โดนคน

ของโมโมทาเมะจับได้เสียก่อน เด็กน้องผุ้โชคร้ายถูกจับกลับมาม่าม่าซังโกรษมากนางกฏ

ของที่นี่ร้ายแรงนักหากใครคิดหนีต้องโดนลงโทษร้ายแรง 

         'กล้าดียังไงถึงคิดหนี เจ้าคิดว่าข้าเสียเงินไปเท่าไหร่กันเพื่อซื้อตัวเจ้าน่ะ!!' โมโมทา

เมะตวาดพลางใช้ไม้ทาเคะฟาดโซระอย่างแรง ที่ลานหนังเรือน

         เด็กชายถูกมัดมือไว้กับเสาทำได้เพียงร้องไห้อ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด จนสติเริ่ม

เลือนลางเต็มที หิมะสีขาวถูกเลือดสีแดงสดกระเด็นใส่เป้นหย่อมๆ  เขาไม่เหลือแรงแม้แต่

จะร้องออกมาน้ำตาไหลรินอาบแก้มเนียน สิ่งที่รู้สึกเป็นอย่างสุดท้ายคือความหนาวเหน็บ

ของหิมะที่บาดผิวกายก่อนที่สติจะหลุดลอย

รู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเสื่อทาทามิในห้องของตนเสียแล้ว เขาพยายามยันกายขึ้นแต่ก็

ต้องครางออกมาด้วยความปวดร้าวตามแผนหลัง สุดท้ายก็ทำได้เพียงนอนอยู่กับที่ ปวด

หนึบจนรู้สึกเหมือนศรีศระถูกกระแทกทุบอย่างแรงคงเป็นเพราะพิษไข้ที่รุมเร้าอยู่เป็นแน่
.....
           ย่างเข้าปีที่5ตั้งแต่เขาถูกพามาที่แห่งนี้ตอนนี้โซระได้ถูกเลื่อนขั้นจากเด็กรับใช้ให้

เป็นไมโกะแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่พยายามหนีแต่ไม่ประสบผลแถมยังถูกลงโทษเสียทุก

ครั้ง จนในที่สุดเขาก็ทำใจยอมรับแล้วว่าคงไม่มีทางที่จะหนีไปจากที่นี้ด้วยกำลังเพียงแค่นี้

หรอกอิสระอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าหากได้เป็นโอยรันล่ะก็อาจจะมีทาง ดังนั้นเขาจึง

พยายามมากกว่าคนอื่นๆ ในคืนนี้ตัวเขาก็จะได้ออกงานแล้ว การออกงานหมายถึงการถูก

ประมูลสิ่งที่สำคัญที่สุด  ...


           'ความบริสุทธิ์' นั่นเอง ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวแต่เขาก็เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้

หน้ากากที่ถูกฝึกมา 

           เมื่อก้าวเข้ามาสู่โรงน้ำชาแล้วในใจของโซระหวั่นเกรงเหลือเกิน เขากวาดตามอง

รอบกายซึ่งเต็มไปด้วยหญิงสาวงดงามมากมายจากมาม่าซังบ้านอื่น หากครั้งนี้ราคาประมูล

ต่ำล่ะก็เขาคงไม่ได้เป็นโอยรันและหนทางที่จะไปจากที่นี่คงลิบหรี่เต็มทน เขาก้าวขึ้นไป

แสดงบนเวทีด้วยความแน่วแน่ตั้งแต่ต้นจนจบการแสดงในแววตาคู่นั้นไม่มีความหวั่นไหว

ใดๆ หากแต่เมื่อเริ่มประมูลราคาของโซระก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งสูงกว่าที่โมโมทาเมะ

เคยทำได้เสียด้วยซ้ำราคาประมูลสูงที่สุดในประวัติการ ชายที่ยอมทุ่มเงินมากขนาดนี้คือ

นายพลวาตากะผู้ร่ำรวยนั่นเอง 

           ภายในห้องเงียบกริบมีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันเท่านั้นปรากฏร่างของชายวัย

กลางคนอายุอานามคงประมาณสี่สิบปีทาบทับร่างบอบบางของคณิการูปงาม ถึงแม้จะ

ทำใจไว้แล้วแต่โซระกลับรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่รู้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แต่

ใจหนึ่งก็ยังอยากจะรีบหนี หนีไปให้ไกลแสนไกล 

           ความเจ็บปวดที่แทรกผ่าน อยากจะตายไปเสียตรงนี้ อยากกรีดร้องให้สุดเสียง แต่

สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นแค่ความคิด ร่างบางบิดเร่ามีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาท่ามกลางความ

มีดซึ่งคงไม่มีใครได้เห็นเท่านั้น 

...

           แสงอาทิตย์สาดลอดมู่ลี่เข้ามาโซระรู้สึกร้าวระบมไปทั่วร่าง แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้น ฟูก

ที่นอนอยู่ว่างเปล่ามีเพียงเขาคนเดียว หลังจากที่ชำระร่างกายแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ลงไป

พบโมโมทาเมะที่ห้อง 
เขาดันประตูอย่างสุภาพแล้วคลานเข้าไปนั่งตรงหน้ามาม่าซัง โมโม

ทาเมะครี่ยิ้มกว้าง
พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

           'ในที่สุดเจ้าก็เป็นโอยรันเต็มตัวแล้ว ข้าคาดหวังในตัวเจ้านะ และหลังจากนี้เจ้าจะ

ไม่ใช่ฮาราดะ โซระอีกต่อไป นามใหม่ของเจ้าคือ สึบากิ'

           'ขอรับ'  เขาทำได้เพียงตอบรับ

           ไม่มีอีกแล้วฮาราดะ โซระ  ตอนนี้จะมีเพียงคณิกานามสึบากิเท่านั้นสึบากิดอกไม้ที่

มีสีสันสวยสดงดงามน่าหลงใหล



to be continued....

[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่1 一目惚れ [Love at first sight]


[Novel] บุบผาเปื้อนบาป บทที่1 一目惚れ [Love at first sight]

Pairing: Tatsuya x Tsubaki

Genre: Romance, BL 

Rate: PG

Author : Ame no Musume



Warning!! Yaoi


        ย่างเข้ากลางฤดูร้อนกลีบดอกซากุระเริ่มร่วงหล่นเกลื่อนกลาดเต็มสองข้างทาง


บ้างก็ปลิ้วไปตกตามพื้นถนนหนทาง ช่วงยามพลบค่ำแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คน


มากมายเดินขวักไขว่บ้างก็ซื้อของบ้างก็ออกมาเที่ยว โดยเฉพาะย่านโยชิวาระด้วยแล้วนั้น

คับคั่งไปด้วยเหล่าบุรุษทั้งหนุ่มและแก่ ว่ากันว่าชายใดที่เคยมาเอโดะแต่ไม่เคยได้มา

เหยียบโยชิวาระนั้นมิถือว่าเป็นชายแท้ ย่างแห่งนี้ซึ่งถูกขนานนามว่าดินแดนแห่งดอกไม้

ยามค่ำคืนจะมีเหล่านางโลมในชุดกิโมโนที่ถูกประดับตกแต่งอย่างดงามมานั่งเรียงรายอยู่

ภายในร้านสร้างอย่างดีมีระดับที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ชายหนุ่มมากหน้ารายตา

ล้วนพลัดเปลี่ยนแวะเวียนเข้ามาใช้บริการที่นี่ ดูๆราวกับว่าที่นี่เป็นสถานให้ความบันเทิงชั้น

ยอด แต่เบื่องหลังของสถานที่ๆดูเต็มไปด้วยแสงสีความหฤหรรษ์นี้กลับแฝงไปด้วยเรื่อง

ราวเน่าเฟะสุดจะบรรยาย แต่กระนั้นเสียงหัวเราะของเหล่าชายหนุ่มที่มาใช้บริการก็ยังคง

ดังกว่าเสียงร่ำไห้ของผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออยู่วันยังค่ำ....




     ภายในตรอกแห่งหนึ่งปรกฏเงาของบุรุษหนุ่มสองคนในเครื่องแบบสีกรมท่าหนึ่งในนั้น

มีใบหน้าเยาว์วัยแลดูขี้เล่นแต่อีกคนนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงใบหน้าคมคายเส้นผมสี

ดำดวงตาสีสนิมแฝงความดุดันอายุอานามคงมากกว่าชายหนุ่มคนแรกไม่มากก็น้อย แต่ระ

ก้าวย่างมั่นคงหนักแน่นและสง่างามสมเป็นชายชาติทหาร ตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้าสู้โยชิ

วาระสายตาทุกคู่ของเหล่าอิสตรีต่างจับจ้องราวกับต้องมนต์สะกด นายทหารที่ดูภูมิฐาน

ล้วนเป็นที่ต้อนรับของเหล่าร้านรวงเนื่องจากฐานะทางกองทัพทำให้พอรับประกันได้ว่าจะ

ไม่ได้มามือเปล่าอย่างแน่นอน ยิ่งนายทหารที่ติดยศแบบนี้ด้วยแล้ว ทันทีที่มาหยุดอยู่หน้า

ร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งย่านนี้เจ้าของร้านรีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับด้วยตนเองเป็นการ

ใหญ่  หลังจากที่เชิญแขกทั้งสองไปที่ห้องรับรองแล้วเจ้าของร้านได้รับปากจะหาสินค้าที่ดี

ที่สุดให้แก่พวกเขา 
 
     "นี่ๆ ทัตสึยะซังพวกเรามาผ่อนคลายนะนะรับไม่จำเป็นต้องทำหน้านิ่งเหมือนอยู่ใน  

หน้าที่ก็ได้นี่ขอรับ"   
ทันทีที่เจ้าของร้านออกไปชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าจึงเปิดปากพูด

     แต่ก็เพียง
เรียกสายตาเย็นชาจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น ทัตสึยะวางจอกสาเกลงก่อนจะ

ถอนหายใจเบาๆ 

     
     "โคซึเกะถึงแม้ว่าจะอยู่นอกเวลางานแล้วแต่พวกเราก็ควรทำตัวให้เป็นที่ยำเกรง ไม่ใช่

เหลาะแหละเข้าใจไหม!"   เขากล่าวพลางเอื้มมือไปเขกหัวลูกน้องเสียหนึ่งที

     "ขอรับ"  โคสึเกะว่าด้วยท่าทีหงอยๆแต่ก็มิวายระริกระรี้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจาก

ดอกไม้แห่งโยชิวาระ 

     เมื่อประตูเปิดออกเหล่าหญิงงามเยื้องย่างเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางร่ายรำ

อันงดงาม โคสึเกะแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความที่นี่เป็นครั้งแรกของการมาเยือนย่าน

เริงรมณ์แห่งนี้ ทัตสึยะเพียงแต่ปรายตามองแล้วหันไปสนใจกับสิ่งที่กำลังดื้มแทน พอการ

แสดงซามิเซ็งจบลงเสียงเลื่อของประตูก็ดังขึ้นดั่งเช่นทั่วไปโอยรันที่มีชื่อเสียงที่สุดจะต้อง

เข้ามาทีหลังการแสดงจบและเป็นผู้คอยดูแลแขก  

     "ว้าววว!" โคซึเกะอุทานอย่างไม่คิดจะปิดบัง

กึ๊ก!!
     ตะเกียบในมือของทัตสึยะที่เกือบร่วงหล่นลงบนพื้นหากแต่เขารับมันได้ทันเสียก่อน

เขามองจับจ้องไปยังร่างของผู้มาใหม่ไม่วางตา ร่างบางในชุดกิโมโนเต็มยศประดับด้วย

เครื่องประดับหลากหลายเส้นผมสีชาคลอเคลียใบหน้าเนียนรูปไข่ดวงตาเรียวสีเดียวกัน

หากแต่สายตาของทัตสึยะไม่เหลือบไปเห็นแผงอกแบนราบนั่นเสียก่อนเขาคงได้แสดง

อาการไม่ต่างจากโคซึเกะนัก 

     "ผุ้ชายรึ?"  คิดกระนั้นก็เอ่ยถาม

รางโปร่งโค้งคำนับก่อนตอบรับด้วยท่าทีสุภาพ

    "ขอรับ หากท่านไม่พะ.."

ร่างสูงขัดขึ้นก่อนที่บุบผางามแห่งโยชิวาระจะพูดจบ

    "ไม่เป็นไร ...ข้าพันเอกทัตสึยะ อาคิโมะโตะ แล้วเจ้าล่ะ?"

    "สึบากิขอรับ "  เขาตอบพลางรินสาเกใส่จอกของทัตสึยะ 

......

    หลังจากผ่านไปไม่ถึงชั่วยามโคซึเกะคออ่อนป้อแป้ซ้ำยังวิ่งไปมาหยอกล้อกับพวก

ไมโกะ 
 
    ส่วนทางด้านทัตสึยะด้วยความที่ทนเสียงโหวกเหวกโวยวายของลูกน้องไม่ไหวจึงย้าย

มาอยู่อีกห้องหนึ่ง ใบหน้าคมคายยังคงดูปรกติมิได้เมามายแบบลูกน้องตนแต่อย่างใด ทั้ง

สองคนภายในห้องเงียบกริบมีเพียงเสียงจักกระจั่นจากภายนอกเท่านั้น 

    "เจ้า"/"ท่าน"  ทั้งสองฝ่ายตั้งจะใจทำลายความเงียบแต่กลับพูดขึ้นมาพร้อมกันซะได้

ก่อนจะกลับสู่ความเงียบ

    "เจ้าพูดมาก่อนเถอะ"  ทัตสึยะเอ่ยขึ้นในที่สุด

    "ข้าเพียงแต่คิดว่า ขออภัยด้วยบางทีข้าน่าจะเรียกคนอื่นมาปรนนิบัติท่านมากกว่า มิเช่น

นั้นท่านคงเบื่อ"  ร่างโปร่งบางพูดพลางก้มหน้าไม่กล้าสบตา

ร่างสูงมิได้กล่าวอะไร เขาขยับตัวเข้าใกล้พลางเอื้อมมือขึ้นสัมพัสไปบนมือของอีกฝ่าย

แผ่วเบา ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายสำหรับสึบากิซึ่งคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ราวกับการกิน

อาหารสามมื้อนั้นแหละ

หากแต่

....

      


to be continued....

[Fic DMMD]Forever บทสรุปความรักและเรื่องหลังจากนั้น [Yaoi]



[Fic Dramatical Murder] Forever บทสรุปความรักและเรื่องหลังจากนั้น

Pairing: Clear x Aoba


Genre: Fanfiction, BL 


Rate: NC-17


Warning!! Yaoi



 'ゆら、ゆら、ゆらめく~波のまに
やさしく、やさしく、ただよって、海へいく...'

     อาโอบะเอนตัวพิงขอบอ่างอาบน้ำก่อนจะหลับตาลง ปล่อยจิตใจไปกับท่วงทำนองเพลงอ่อนโยนที่แสนคุ้นเคย 


     ราวกับถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นจากน้ำเสียงของผู้ถ่ายทอดบทเพลง



..........................................


     "อาโอบะซัง..." เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนของชายหนุ่มร่างสูงกระซิบอยู่ข้างหู 

คนตัวเล็กกว่าใช้มือยันอกอีกฝ่ายออกเบาๆ 

     หลังจากที่เขาเพิ่งก้าวขาออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ทันไร เจ้าของบทเพลงที่นั่งรออยู่ด้านนอกก็เข้ามาทำตัวคลอเคลียราวกันลูกแมวก็ไม่ปาน

     ยิ่งอดที่จะหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาแนบชิดอยู่ใกล้ๆด้วยแบบนี้แล้ว 
แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า

'โชคดีจริงๆที่เคลียร์ยังอยู่ตรงนี้'  


     ไวเท่าความคิด มือของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสใบหน้าคมคายของคนตรงหน้า 
ความสุขเอ่อท้นในใจเมื่อนึกถึงความทุกที่ผ่านมา เขาไม่มีวันลืมเหตุการนั้นไปได้ 

     ภาพนั้นยังคงไม่จางหาย ในตอนที่เขาเกือบจะเสียคนสำคัญคนนี้ไป คนที่ปกป้องเขาด้วยชีวิตและทำเพื่อเขามาโดยตลอด 

     ตั้งแต่เหตุการวันนั้นที่พวกเขาสามารถเอาชนะอัลฟาทั้งสองและโทเอย์หนีไปได้ 
วันที่เขาและเคลียร์เผยความในใจและสัมผัสกันและกันเป็นครั้งแรก 
แต่ก็เป็นวันเดียวกันกับที่เขาสูญเสียเคลียร์ไปครั้งหนึ่ง

     การรอคอยช่างยากเย็นและทรมานยิ่งนัก 

วันคืนที่ผ่านไปโดยที่รู้ว่าคนที่รักจะไม่มีวันหวนกลับ
มันเหมือนฝันร้ายตลอดกาล แต่แล้ว....
หนึ่งปีผ่านไปปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เสียงเพลงและบุคคลอันเป็นที่รัก

     คนตัวเล็กกว่าเหม่อลอยชั่วครู่ อาโอบะเหมือนจมอยู่ในห้วงความทรงจำ 

คิ้วเรียวขมวดมุ่นราวกับคนใช้ความคิดหนัก เรียกรอยยิ้มกว้างจากชายหนุ่มผมสีขาวให้ผุดขึ้น 
     
     นิ้วของเขาไล้เส้นผมยาวนุ่มราวกับแพรไหมสีฟ้าอย่างหลงใหล ยิ่งรู้สึกดีเมื่ออีกฝ่ายไม่ปัดป้อง 
อาโอบะซังน่ะเกลียดเวลาที่ใครมาสำผัสเส้นผมเสียเหลือเกิน นี่อาจจะเป็นความคิดเห็นแก่ตัว แต่เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ ความรู้สึกในตอนนี้น่ะ... 
     
     'อาโอบะซังเป็นของผม' 

     คนที่เขาอย่ากจะรู้ทุกๆเรื่อง อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว คิดพลางจูบไซร้ไปตามลำคอระหง กลิ่นหอมอ่อนๆทำเอาแทบคลั่ง อาโอบะซังเพิ่งอาบน้ำก็จริง แต่ต่อให้ใครใช้ครีมอาบน้ำแบบเดียวกันเขาก็มั่นใจเลยว่าจะไม่มีทางจำผิด 


     มือหนาไล้ผ่านเสื้อยืดตัวบางก่อนจะถอดมันออกอย่างง่ายดาย 

     "เคลียร์!! อ๊ะ...!" ชายหนุ่มผมฟ้าร้องประท้วงเสียงดุ เมื่ออีกฝ่ายสอดมือเข้ามาสัมผัสส่วนอ่อนไหวของเขา ริมฝีปากร้อนประกบจูบละมุล ก่อนจะเลื่อนลงมาตามลาดไหล่เนียน ดูดเม้มฝากร้อยรักจางๆเอาไว้จนมาหยุดที่ตุ่มไตสีหวาน 

     ร่างบางครางสะท้านเมื่ออีกฝ่ายดูดดุนหยอกล้อกับยอดอกของเขา 
   
     'ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หมอนี่เรียนรู้วิธีทำเรื่องแบบนี้!'  เขายื่นฝ่ามือสั่นเทิมเหนี่ยวรั่งเสื้อของคนตัวสูงกว่าเอาไว้ 

     ''อาโอบะซัง...!?'' เคลียร์สะดุ้งเมื่อคนที่กำลังถูกเขาเล้าโลมยื่นมือมาสัมผัสความแข็งขืนภายใต้กางเกงขายาวของเขา แค่การสำผัสผ่านเนื้อผ้าหนาก็มอบสัมผัสวาบหวามให้อย่างไม่น่าเชื่อ 

     อาโอบะยักยิ้มกวนๆแบบอารมณ์ดีมาให้พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง 

     ''ฉันไม่รู้หรอกว่านายไปเรียนมาจากที่ไหน แต่ถ้าคิดว่าแค่นี้จะเอาชนะฉันล่ะก็ยังเร็วไปร้อยปี'' เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำสียงกลั่วหัวเราะ 

     ''ของจริงน่ะมันต้องแบบนี้หึหึ จะทำให้นายเข่าอ่อนเลยค่อยดูสิ'' ว่าพรางเพิ่มสัมผัสรุกเร้า จากการลูบไล้แผ่วเบาเป็นกดเน้นส่วนโป่งพองอย่างย่ามใจ 

เขาคุกเข่าลงขณะที่มือสาระวนปลดเข็มขัดของตนตรงหน้า ซิบถูกรูดลง ปลายนิ้วและกลีบปากไล้เล็มผ่านชั้นในเนื้อบางราวกับจะยั่วเย้าให้ขาดใจ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สนุกสนานที่ได้แกล้งอีกฝ่าย 

     ''อึก.. อาโอบะซัง '' ชายหนุ่มผมสีขาวครางพลางส่งสายตาเว้าวอน เมื่อคนขี้แกล้งกลับเป็นฝ่ายหยอกยั่วเขาเสียอย่างนั้น อาโอบะหัวเราะขบขันกับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย 

     'เคลียร์ก็ยังคงเป็นเคลียร์คนเดิมนี่นา'

     เขาชอบเคลียร์ที่เป็นแบบนี้ อ่อนโยน ไร้เดียงสา และซื่อตรงไร้เล่เหลี่ยม ดวงตาเรียวต้องเบิกขึ้นเมื่อปลดปราการสุดท้ายออกเผยให้เห็นความเป็นชายที่ผงาดอยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่พอมาเจอระยะประชิดพร้อมกับสติที่เต็มร้อยแบบนี้ก็อดน้ำลายฝืดคอไม่ได้  

     'ให้ตายสิ ไอ้นี่มันเคยเข้าไปในตัวฉันจริงเหรอ'  และ  'หมอนี่เด็กแค่ภายในจริงๆซะด้วย'

      ปลายลิ้นแตะสัมพัสส่วนยอดสีอ่อน ก่อนกลีบปากนุ่มจะครอบครองความอุ่นร้อน เรียกเสียงครางฮือจากผู้ถูกกระทำ 

     อาโอบะแทบสำลักเมื่อสิ่งนั้นขยายคับปากเสียจนแทบขยับไม่ได้ เคลียร์มองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย จับจ้องอย่างไม่อาจละสายตาได้ 

     "อ๊ะ!!"  อาโอบะร้องออกมาอย่างขัดใจเมื่ออยู่ๆมือหนาที่ลูบเล่นเส้นผมเขาอยู่ค่อยๆดันเขาออก ใบหน้าง้ำงอเงยขึ้นมอง แต่เมื่อสบกับในตาสีชมพูใสที่ราวกับผืนน้ำซึ่งจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่นั้นทำให้เขาสั่นสะท้าน ขณะเดียวกันก็ทำให้เชื่อมั่น แม้จะรู้สึกได้ถึงหลากหลายความรู้สึกที่ส่งผ่านมาแต่สิ่งที่ฉายชัดในแววตาแน่วแน่นั่นคือความรัก และเหนือสิ่งอื่นใดดวงตาคู่นี้สะท้อนเพียงภาพของเขาผู้เดียวเท่านั้น ความหงุดหงิดในตอนแรกมลายหายไปจนหมดสิ้นราวกับไม่เคยเกิดขึ้น 

     "ขอผม..."  เคลียร์เงียบไปอึดใจหนึ่ง  

     "ทำให้อาโอบะซังมีความสุขบ้างนะครับ"  น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขณะที่ฉุดรั้งร่างโปร่งขึ้นมา เขาดันคนตัวเล็กว่าจนชิดกับบานประตู ส่งจูบเร่าร้อนทว่าอ่อนโยนสร้างความร้อนลุ่มชวนให้สติพร่ามัว 

     ขาเรียวแทบยืนไม่อยู่ ผู้ถูกพลิกบทบาททำได้เพียงครางอื้ออึงในลำคอ เมื่อริมฝีปากอุ่นถอดถอนไปแล้ว ร่างโปร่งพยายามหอบหายใจแต่ก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากแทบไม่ทัน เพื่อกลั้นเสียงร้องน่าอาย 

     เมื่อคนรุกเร้าทรุดหัวลงกอดเอวเขาไว้หลวมๆ หลังจากที่ลากลิ้นผ่านไหปลาร้า อก และหน้าท้องแบนราบไปหยุดอยู่ที่ส่วนอ่อนไหว ไม่รู้ว่าผ้าเช็ดตัวถูกปลดไปเมื่อไหร่ 

     อาโอบะรู้สึกว่าภายในหัวขาวโพลน สติกระเจิดกระเจิงเมื่อโพรงปากชื้อเข้าครอบครองแก่นกลางกายของเขาจนหมด ปลายลิ้นตวัดเล็มเลียดูดดุน มือเรียวกุมบ่าคนคุกเข่าอยู่เปลี่ยนมาขยุ้มเส้นผมนุ่มสีขาวแทนยามเมื่ออารมณ์โหมกระพือ 

     "เคลียร์.. อืออ ไม่ไหว หยะ..หยุด" เสียงกระท่อนกระแท่นเปร่งออกมาแทบไม่ได้ศัพท์ 

     เคลียร์เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะเร่งรูดรั้งสิ่งที่อยู่ในปากแทนโดยไม่ฟังคำเตือนหรือมือที่พยายามดันเขาออก ร่างโปร่งเกร็งกระตุก ในขณะที่หยาดน้ำอุ่นทะลักเข้าไปในปากของคนที่คุกเข่าอยู่ 
อาโอบะแทบจะทรุดตัวลงกับพื้นหากไม่ได้แขนของเคลยีร์โอบประคองไว้ 

     "นะ.. นาย.." คนที่มั่นใจในตัวเองตอนแรกอย่างอาโอบะแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่เขาคิดว่า ใสซื่ออย่างเคลียร์จะทำเรื่องร้อนแรงแบบนี้ได้แต่ที่แย่กว่านั้ยอาโอบะแทบจะร้องเสียงหลงเมื่อคนเคยใสซื่อตรงหน้าให้ปลายนิ้วปาดน้ำขุ่นข้นที่ไหลย่อมจากมุมปากแล้วทำท่าจะเลียมันเสียอย่างนั้น 

     "ทำบ้าอะไรของนายยยย!!" ขณะที่เคลียร์ชะงักหันมามองเขาด้วยแววตาสงสัย 

     อาโอบะรีบเช็ดสิ่งนั้นออกจากใบหน้าและนิ้วของเคลียร์แทบจะในทันทีพลางถลึงตาใส่ทั้งๆที่ยังหอบอยู่ ดวงหน้าหวานของคนผมสีฟ้าแดงซ่านจากความวาบหวามที่เพิ่งผ่านพ้นไปผสมกับความกระดากอายที่คนตรงหน้าทำอะไรลงไปอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะทุบลงไปบนแผงอกแน่นตรงหน้าเสียอีกทีสองที 

     เคลียร์เพียงแต่ยกยิ้มกับท่าทางค้อนปะหลักปะเหลือกซึ่งในความรู้สึกของเขาช่างเป็นปฏิกริยาที่น่ารักเสียมากกว่า 

     'น่ารักเกินไปแล้วนะครับ อาโอบะซัง' เขากุมมือที่กำลังจะทุบลงมาใหม่นั้นไว้ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปอย่างรักใคร เขาไล้เล็มดูดกลืนนิ้วเรียวทีละนิ้ว 

     "เคลียร์!!!" เมื่อคนขี้อายทำท่าจะโวยวายเคลียน์จึงประกบริมฝีปากเข้าหาเสียก่อน ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เสียงโวยวายถูกกลืนหายไปในลำคอ อารมณ์โมโหถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ อารมณ์ที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วก่อขึ้นอีกครั้ง 

     อาโอบะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของนิ้วที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวช่องทางด้านหลัง นิ้วกดแทรกดุนดันเบิกทางอย่างใจเย็น 

     'นายน่ะเป็นแบบนี้เสมอเลย แคร์ฉันก่อนตัวนายเองตลอดไม่เคยเปลี่ยน'

      อาโอบะเลื่อนมือที่เกาะยึดเสื้อของเคลียร์ไปสัมผัสกอบกุมส่วนชูชันร้อนผ่าวของคนที่กำลังปรนเปรอให้ ขณะที่รูดรั้งก็กลั้นใจเอ่ยประโยคน่าอายที่คนพูดๆแล้วอยากแทรกแผ่นดินหนี 

      "เคลียร์ อึก.. ฮะ.. ตอนี้เลย เข้ามาได้แล้ว" เขาแทบจะเบือนหน้าทันทีที่พูดจบ รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนเหมือนจะระเบิดเสียให้ได้ คนตรงหน้ายังไม่ละมือจากด้านหลังของเขาแต่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงพร่าไม่มั่นใจ 

     "แต่ว่า.. ถ้ายังไม่เตรียมให้พร้อม " เขาเงียบเหมือนกลั้นใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ 

     "ผมไม่อยากทำให้อาโอบะซังเจ็บ.." เคลียร์พยายามอดกลั้นอารมณ์ของตนในตอนนี้ เขาตั้งใจตลอดมาว่าจะไม่ยอมให้ใครทำล้ายอาโอบะซัง อยากจะปกป้อง และเหนือสิ่งอื่นใดเขาจะไม่ทำร้ายอาโอบะซังด้วยมือคู่นี้อย่างเด็ดขาด ร่างโปร่งบสงจับจ้องคนตรงหน้าที่เหมือนอยู่ในห้วงคิดที่ใบหน้ายามนี้สับสน พรางถอนหายใจแผ่ว 

     'ก็นายเล่นใช้คำพูดอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแบบนี้ออกมาแล้วจะให้ฉันเห็นแก่ตัวใจร้ายกับนายได้ยังไง' 

อาโอบะพลักคนตรงหน้าออกเบาๆ พลางหันหลังให้ เขาโก้งโค้งทำเป็นลืมเลือนความอายไปชั่วขณะ 

     "ฉันน่ะ... พร้อมแล้ว อยากให้นายเข้ามาได้ละ..อ๊ะ!!" อาโอบะเกือบหลุดเสียงร้องออกไปด้วยความตกใจเมื่อถูกกระชากให้หันกลับไป เขาเห็นความไหววูบราวกับรู้สึกผิดในดวงตาสีชมพูคู่นั้นก่อนจะถูกดันจนแผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นของประตูไม้ 

     จูบอบอุ่นถูกมอบให้อีกครั้ง เคลียร์จูบอาโอบะพร้อมทั้งแทรกตัวระหว่างขาของคนตัวบาง เขายกดึงเรียวขานั้นให้กระหวัดรอบเอวสอบ ขาทั้งสองข้างของอาโอบะอ้ากว้างเพื่อให้การสอดใส่เป็นไปได้อย่างถนัด 

     แม้รู้ว่าสิ่งที่จ่ออยู่ปากทางรักนั้นใหญ่โตกว่านิ้วเพียงใดนั้นจะมอบความเจ็บปวดให้อย่างที่สุดแต่ในมันก็เป็นความทรมาณแสนความที่เขาไม่อาจต้านทาน 

     อาโอบะกรีดร้องเมื่อส่วนแข็งขืนดุนดันแทรกผ่านเข้ามาในตัวเขาอย่างยากลำบาก เล็บจิกลงบนฝ่ามือเมื่อกำหมัดแน่นระบายความเจ็บร้าวแต่ก็ถูกมือใหญ่ดึงไปโอบรอคอของอีกฝ่าย แม้ว่าเคลียร์เองก็ขบกรามจนนูนเป็นสัน เมื่อความอุ่นร้อนตอดรัดเขาจนแทบคลั่งแต่ก็ไม่มีทีท่าจะผลีผลามเพราะรู้ว่าร่างตรงหน้าคงเจ็บกว่าเป็นแน่ 
แก่นกลางลำตัวปวดหนึบด้วยอยากปลดปล่อยเต็มที 
เขาเพียงแต่ไล้แก้มเนียนแล้วเกลี่ยน้ำตาที่คลอหน่วยนั้นออก 
ริมฝีผากจูบซับราวกับจะปลอบประโลม 

     ชายหนุ่มผมสีฟ้าเผยอปากรับจูบวาบหวามลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอม ดูดดุนราวกับจะกวาดทุกหยาดหยดความหวานจากริมฝีปากตรงหน้า 

     เคลียร์อาศัยความวาบหวามที่ทำให้ช่องทางแคบผ่อนคลายหยั่นกายเข้าไปจนสุด เรียกเสียงกรีดร้องจากผู้ถูกกระทำ หากแต่ไม่ช้าความเจ็บร้าวในตอนแรกก็แปลเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ เคลียร์บดเบียดความต้องการเข้าไปราวกับสุดจะอดกลั้น 
เสียงประตูลั่นตามแรงสะเทือนของการกระทำ 

     "คะ..เคลียร์! เคลียร์! อืมม..ที่เตียง..อึก! " อาโอบะครางกระท่อนกระแท่น เขาแทบสำลักความสุขสมทีถูกมอบให้ในตอนนี้ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามันไม่สบายนักที่จะเล่นบทรักกันหน้าห้องน้ำ 

     เคลียร์อุ้มอาโอบะมามาจนถึงเตียงทั้งๆที่ช่วงล่างยังเชื่อมกันอยู่ พอล้มตัวลงบนนี่นอนนุ่มบทรักก็ดำเนินไปอย่างหนักหน่วงไม่น้อยลง 

     มือเรียวปัดป่ายจิกเล็บเป็นทางยาวบนแผ่นหลังแกร่ง 
ยิ่งอารมณ์โหมกระพือเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกมอมเมาโดนคนตรงหน้า 
ไม่เหลือแม้แต่ความเจ็บปวดมีเพียงความสุขสมแสนหวาน 
ร่างโปร่งของชายหนุ่มผมยาวแอ่นสะท้านราวกับลมหายใจจะขาดห้วง 
ผนังนุ่มบีบรัดรุนแรงเมื่อยามถึงขีดสุดของอารมณ์ 
ความร้อนลุ่มเปรอะเปื้อนไปตามหน้าท้องแกร่งและบางส่วนไหลย้อยบนหน้าท้องตนเอง เสียงหวานหูที่ทำเอาคนเบื้องบนปั่นป่วน 

     ร่างที่ทาบทับถอนกายออกจนเกือบสุดก่อนจะดันเข้าไปใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกดกายให้จมมิดราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ปลดปล่อยหยาดอารมณ์มากมายไว้ถายในจนล้นทะลัก

      เคลียร์ซบตัวลงนอนโอบกอดคนรักเอาไว้โดยที่ยังไม่ได้ถอนกายออก ริมฝีปากเคลื่อนไปกระซิบข้างหูของคนในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้มสว่างไสว ทั้งๆที่ยังหอบหายใจ 

     อาโอบะพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปรกติพลางหันไปถลึงตาเอ่ยดุด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก 

     " เสร็จแล้วก็เอาออกไปซักทีสิ!!" 

     เคลียร์ยอมขยับตัวถอนกายออกจากตัวเขาด้วยสีหน้าเสียดายราวกับลูกสุนัขที่ถูกเจ้าของดุ ที่อาโอบะอดคิดไม่ได้ว่าเขารู้สึกหมั่นไส้นิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นอาโอบะก็รู้สึดว่าเขาไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ กับคำพูดที่คนข้างๆฝากไว้ก่อนหน้านี้ ....




      'รักนะครับอาโอบะซัง.. ต่อให้ผมต้องจากไปอีก ไม่ว่ายังไงผมก็จะหาทางกลับมาหาโอบะซังอย่างแน่นอนครับ'




..........................

END




Talk with writter
ขอบคุณที่อ่านจบมาถึงตรงนี้ค่า
ถ้ามีข้อผิดพลาด ข้อติชมคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะคะ